วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิธีเล่น yu gi oh


What is Yu-Gi-Oh! Trading Card Game? (การ์ดเกมยูกิคืออะไร?)
ยูกิโอเป็นการ์ดเกมชนิดหนึ่งที่ต้นกำเนิดมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นที่มีชื่อเรื่องว่า ยูกิโอ โดยในขณะนี้ ยูกิโอดำเนินเรื่องมาถึงซีรี่ย์ที่ 3 แล้ว ซึ่งกืคือ Yu-Gi-Oh! 5D’s
ในการ์ดเกมนี้ ผู้เล่นจะถูกเรียกว่า ดูเอลลิสต์ โดยจะใช้การ์ดมอนสเตอร์, การ์ดเวทย์มนต์ และ การ์ดกับดัก ในการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม จนกว่าพลังชีวิต (ไลฟ์พ็อยต์) ของคู่ต่อสู้จะเป็น 0 หรือจะมีวิธีเอาชนะแบบพิเศษอื่นๆ
หนังสือกฎ เล่มนี้จะสามารถทำให้ผู้เล่นได้ทำความเข้าใจกับกฎพื้นฐานเบื้องต้นรวมถึงศัพท์เฉพาะในการ์ดเกมยูกิโอนี้ได้เป็นอย่างดี


About the Game (เกี่ยวกับตัวเกม)
สร้างเด็คของเราขึ้นมา!!
เราสามารถสร้างเด็คขึ้นมาจากการ์ดนับเป็นพันๆ ชนิด โดยการ์ดหลายใบจะมีกลุ่มหรือธีมเดียวกัน เราจึงสามารถเลือกจัดการ์ดแบบที่เราชื่นชอบหรือเลือกธีมเด็คที่ถูกใจได้ ซึ่งดูเอลลิสต์แต่ละคนจะมีเด็คเป็นแบบฉบับของตนเอง จึงเกิดความสนุกและตื่นเต้นในการจัดเด็คขึ้นมานี่เอง


Battle with Fantastic Monsters & Make Great Combos
(ต่อสู้กับไปกับมอนสเตอร์ในจินตนาการ & สร้างคอมโบอันแข็งแกร่ง)
การ์ดบางใบอาจจะแสดงประสิทธิภาพไม่ได้มาก แต่ถ้าหากนำการ์ดใบดังกล่าวไปเล่นผสมผสานกับการ์ดอีกใบแล้วล่ะก็ อาจจะเกิดคอมโบอันรุนแรงได้  ซึ่งเป็นเรื่องที่สนุกอีกจุดในการที่เราจะคิดคอมโบในเด็คของเราขึ้นมาด้วยตัวเอง


Power up your Deck with Booster packs and Structure Deck 
(เพิ่มพลังเด็คของเราด้วยแพ็คบูสเตอร์และสตรัคเจอร์เด็ค)
บูสเตอร์แพ็คและสตรัคเจอร์เด็ค จะออกวางจำหน่ายชุดใหม่ๆ ในทุกๆเดือน เราสามารถนำการ์ดใหม่ๆ มาเพิ่มพลังเด็คของเรา หรือ คิดคอมโบใหม่ๆ จากการ์ดใบใหม่ โดยการ์ดเกมจะพัฒนาขึ้นตลอดเวลา ไม่มีวันหยุด ซึ่งจะมีเด็คและธีมใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย จึงทำให้การดูเอลนั้น จะมีความแปลกใหม่ และสร้างความน่าตื่นเต้นและสนุกสนานต่อไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น


Deck 40-60 Cards (เด็ค) 
การ์ดในกองของเรา
•   เด็คต้องมีการ์ดอย่างต่ำ 40 ใบ หรือไม่มากกว่า 60 ใบ
•   เราสามารถใส่การ์ดชื่อซ้ำกันได้มากสุด 3 ใบ
* อาจจะมีการ์ดบางใบที่ห้ามใส่ไว้ในเด็คหรือถูกจำกัดการใช้งานด้วย *

Main Deck 40-60 Cards (เมนเด็ค)
เด็คหลักของเราโดยเราจะใช้เด็คหลักของเราเล่นในเกมแรกของ แต่ละ Match ของในแต่ละ Duel

Extra Deck 0-15 Cards (เอ็คซ์ตร้าเด็ค)
ในเอ็คซ์ตร้าเด็คนี้จะประกอบด้วยมอนสเตอร์ฟิวชั่นและมอนสเตอร์ซิงโครเท่านั้น ซึ่งสามารถใช้ได้ในระหว่างดำเนินการเล่น
•   เราสามารถมีมอนสเตอร์ในเอ็คซ์ตร้าเด็คได้ 0-15 ใบ
•   การ์ดในเอ็คซตร้าเด็คนั้นจะไม่ถูกนับรวมกับเมนเด็ค

Side Deck 0-15 Cards (ไซด์เด็ค)
ไซด์เด็คเป็นอีกหนึ่งเด็คที่เราสามารถทำการเปลี่ยนการ์ดจากเมนเด็คหรือเอ็คซ์ตร้าเด็ค ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนการ์ดจากในเมนเด็คของเราได้อย่างอิสระ โดยการเปลี่ยนไซด์เด็คนี้จะสามารถใช้สิทธิ์นี้ได้ในเกมที่ 2 หรือ เกมที่ 3 ใน 1 แมตช์ (ไม่สามารถทำการเปลี่ยนไซด์เด็คได้ในเกมแรกของแต่ละแมตช์ ) และ การเปลี่ยนไซด์เด็คนั้นจำเป็นต้องเปลี่ยนให้เด็คมีจำนวนการ์ดเท่าเดิม ห้ามขาด ห้ามเกิน และจำเป็นต้องเปลี่ยนการ์ดกลับไปเป็นเมนเด็ค ก่อนที่การแข่งในแมตช์ต่อๆ ไป จะเริ่มขึ้น


Duel Item (อุปกรณ์สำหรับการ Duel)
1.   Coin (เหรียญ) มีเอฟเฟคการ์ดบางใบที่จำเป็นต้องใช้ในการทอยเหรียญหัวก้อย
2.   Dice (ลูกเต๋า) เช่นเดียวกับเหรียญเอฟเฟคการ์ดบางใบจำเป็นต้องใช้ลูกเต๋าในการทอย เพื่อการประมวลผล (ลูกเต๋าที่ระบุนี้ หมายถึง ลูกเต๋าแบบ Standard 6 หน้า)
3.   Counter (เม็ดเคาท์เตอร์) เอฟเฟคการ์ดบางใบต้องการสิ่งสมมติที่สามารถบ่งบอกค่าสะสม ของการ์ดนั้นได้ โดยเราสามารถนำเหรียญหรือพลาสติกเล็กๆ มาวางบนตัวการ์ดที่สามารถเก็บเม็ดเคาท์เตอร์เพื่อบ่งบอกค่าสะสมได้นี่เอง
4.   Monster Token (มอนสเตอร์โทเค่น) โทเค่นเป็นมอนสเตอร์ชนิดหนึ่งที่ถูกสร้างจากเอฟเฟคของการ์ดซึ่งจะไม่มีรูปร่างของการ์ดจริง เราจึงต้องใช้สิ่งสมมติเป็นตัวแทนของมอนสเตอร์โทเค่นนั้นๆ อุปกรณ์สำหรับแทนโทเค่นที่ดีนั้น ควรจะบ่งบอกสภาพของมอนสเตอร์ได้อย่างชัดเจน (ตั้งโจมตีหรือตั้งป้องกัน)
5.   Calculator (เครื่องคิดเลข) อุปกรณ์สำหรับช่วยการคิด Life Point ได้อย่างสะดวก
6.   Card Sleeves (ซองใส่การ์ด) อุปกรณ์ที่สามารถช่วยป้องกันรอยขีดข่วนหรือการหักได้ แต่ซองที่ใส่จำเป็นต้องเป็นลายแบบเดียวกันหมดทั้งเด็ค และต้องไม่มีรอยบ่งชี้เฉพาะหรือรอยตำหนิใหญ่


Duel Field (สนามดูเอล)
สนามดูเอลเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้การดูเอลของเราเป็นระเบียบแบบแผน ดูเรียบร้อยมากขึ้นโดยสนามดูเอลนี้จะมีช่องบ่งบอกตำแหน่งของการ์ดชัดเจนว่าอยู่ตำแหน่งใด ซึ่งในแต่ละช่องจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้



1.   Monster Card Zone (โซนการ์ดมอนสเตอร์)



ช่องนี้เป็นช่องที่เราจะทำการส่งมอนสเตอร์ลงบนสนาม เราสามารถมีมอนสเตอร์ได้มากสุดเป็นจำนวน 5 ตัว และ สภาพรูปแบบของมอนสเตอร์จะมีอยู่รูปแบบดังนี้

สภาพหงายหน้าตั้งโจมตี


สภาพหงายหน้าตั้งป้องกัน         สภาพคว่ำหน้าตั้งป้องกัน


2.   Spell and Trap Card Zone (โซนการ์ดเวทย์มนต์กับดัก)



ช่องนี้เป็นช่องที่เราจะทำการใช้งานหรือทำการเซ็ตการ์ดเวทย์มนต์หรือกับดัก โดยจะสามารถวางได้สูงสุด 5 ใบ หากช่อง Spell and Trap Zone เต็ม 5 ช่องแล้วเราจะไม่สามารถใช้งานเวทย์มนต์จากบนมือได้ เนื่องจากการ์ดเวทย์มนต์ตอนใช้งานจำเป็นต้องวางลงไปบนช่อง Spell and Trap Card Zone นี่เอง

3.   Graveyard (สุสาน)



เมื่อมอนสเตอร์ถูกทำลาย หรือ มีการใช้งานของการ์ดเวทย์มนต์กับดัก จะต้องนำการ์ดเหล่านั้นลงบนช่องนี้ เราและคู่ต่อสู้สามารถทำการตรวจเช็คสุสานของอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ โดยลำดับของการ์ดในสุสานจะไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงได้

4.   Deck Zone (เด็ค โซน)



เด็คของเราจะถูกวางไว้บนช่องนี้ในสภาพคว่ำหน้า ผู้เล่นจะทำการจั่วการ์ดจากกองนี้ หากมีเอฟเฟคการ์ดที่ส่งผล ให้แสดงการ์ดในเด็คหรือมีการค้นหาการ์ดจากในเด็ค ให้ทำการสับหลังจากทำการกระทำนั้นๆเสร็จสิ้นแล้ว จากนั้นให้นำไปวางในช่องนี้ตามเดิมในสภาพคว่ำ

5.   Field Card Zone (ฟีลด์การ์ด โซน)



การ์ดเวทย์มนต์ฟีลด์จะถูกวางไว้บนช่องนี้ การ์ดเวทย์มนต์ฟีลด์สามารถมีอยู่ได้แค่เพียง 1 ใบในสนามโดยนับรวมสนามของคู่ต่อสู้ด้วย หากมีการ์ดเวทย์มนต์ฟีลด์ถูกใช้งานในขณะที่มีการ์ดเวทย์มนต์ฟีลด์อยู่บนสนาม การ์ดเวทย์มนต์ฟีลด์ใบที่อยู่บนสนามใบก่อนจะถูกทำลายโดยอัตโนมัติ (การ์ดเวทย์มนต์ฟีลด์เป็นอีกส่วนของโซนเวทย์มนต์กับดักซึ่งไม่นับเป็นช่องเดียวกัน)

6.   Extra Deck Zone (เอ็คซ์ตร้าเด็ค โซน)



การ์ดในเอ็คซ์ตร้าเด็คจะถูกนำวางไว้บนช่องนี้ในสภาพคว่ำหน้า เราจะสามารถดูการ์ดในเอ็คซ์ตร้าเด็คของตนเองได้ตลอดการดูเอล  โดยที่การ์ดในเอ็คซ์ตร้าเด็คจะประกอบด้วย มอนสเตอร์ฟิวชั่น และ มอนสเตอร์ซิงโครโดยเอ็คซ์ตร้าเด็คนี้จะมีการ์ดอยู่ได้สูงสุดรวม 15 ใบเท่านั้น

Monster Card Information (รายละเอียดภายในการ์ดมอนสเตอร์)



1.   Card Name (ชื่อการ์ด) ส่วนที่บ่งบอกชื่อของการ์ด การ์ดที่มีชื่อเหมือนกันจะถือว่าเป็นใบเดียวกัน แม้ว่าจะรูปภาพต่างกันก็ตาม
2.   Level (เลเวล) เลเวลของมอนสเตอร์นั้นจะนับตามจำนวนดาวที่ปรากฏบนตัวการ์ด และเลเวลของมอนสเตอร์นั้นจะมีผลต่อการอัญเชิญ, การซิงโคร หรือเกี่ยวข้องกับเอฟเฟคของการ์ดต่างๆ
3.   Attribute (ธาตุ) ธาตุมอนสเตอร์มีทั้งหมด 7 ธาตุ ซึ่งธาตุของมอนสเตอร์นั้นจะเกี่ยวข้องกับเอฟเฟคของการ์ดบางชนิด ธาตุของมอนสเตอร์จะประกอบด้วย


4.   Type (เผ่า) มอนสเตอร์ในแต่ละตัวนั้นจะมีเผ่าพันธุ์กำกับไว้ด้วยเสมอ ซึ่งเผ่าของมอนสเตอร์นั้นจะเกี่ยวข้องกับเอฟเฟคการ์ดบางชนิด เผ่าของมอนสเตอร์มีทั้งหมด 22 ชนิดประกอบด้วย


5.   Card Number หมายเลขลำดับของการ์ดในแต่ละรุ่น
6.   ATK and DEF (พลังโจมตีและพลังป้องกัน) ATK คือค่าพลังโจมตีของมอนสเตอร์ และ DEF คือค่าพลังป้องกันของมอนสเตอร์
7.   Card Description (คำอธิบายในการ์ด) เอฟเฟคของการ์ดต่างๆจะถูกเขียนไว้ตรงนี้ โดยจะอธิบายถึงความสามารถพิเศษต่างๆ รวมถึงวิธีการใช้งานต่างๆ  ในส่วนของ มอนสเตอร์ปกติจะเป็นคำบรรยายแทน


ประเภทของการ์ดยูกิโอ
Monster Card (มอนสเตอร์การ์ด)
มอนสเตอร์ถือเป็นปัจจัยสำคัญของการ์ดเกมนี้ ซึ่งมีไว้ใช้ทำการต่อสู้หรือใช้ความพิเศษต่างๆ เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ โดยมอนสเตอร์จะมีประเภทต่างๆ ดังนี้

1.   Normal Monster (มอนสเตอร์ปกติ)


มอนสเตอร์ประเภทนี้เป็นมอนสเตอร์แบบพื้นฐานที่ไม่มีความสามารถพิเศษติดตัว แต่อย่างไรก็ดีมอนสเตอร์ปกติบางตัวก็มีเอฟเฟคการ์ดต่างๆ คอยสนับสนุนอยู่เป็นจำนวนมาก

2.   Effect Monster (มอนสเตอร์เอฟเฟค)


มอนสเตอร์ที่มีความสามารถพิเศษ เอฟเฟคของมอนสเตอร์เหล่านี้จะถูกแบ่งเป็น 6 ประเภทดังนี้
•   Reverse Effect (เอฟเฟครีเวิรส)

เอฟเฟคประเภทนี้จะสามารถใช้งานได้ก็ต่อเมื่อ มอนสเตอร์รีเวิรสอยู่ในสภาพป้องกันคว่ำหน้าถูกเปลี่ยนเป็นสภาพหงายหน้ายกตัวอย่างเช่น  เมื่อผู้ควบคุมอัญเชิญมอนสเตอร์แบบหงายหน้า, ถูกมอนสเตอร์คู่ต่อสู้โจมตีจากสภาพป้องกันคว่ำหน้าหรือจากเอฟเฟคการ์ดต่างๆ เป็นต้น

•   Continuous Effect (เอฟเฟคต่อเนื่อง)

มอนสเตอร์เอฟเฟคประเภทเอฟเฟคต่อเนื่องนี้จะทำงานด้วยตัวของมันเองตลอดตราบจนมันหงายหน้าคงอยู่บนฟีลด์เอฟเฟคของมอนสเตอร์ประเภทนี้ จะเริ่มต้นตั้งแต่ตัวมันหงายหน้าอยู่บนฟีลด์และเช่นกันเอฟเฟคของมันจะหายไปก็ตราบเมื่อตัวมันไม่หงายหน้าคงเหลือไว้ในสนามแล้วนั่นเอง

•   Ignition Effect   (เอฟเฟคสั่งใช้งาน)

ช่วงเวลาการใช้งานของมอนสเตอร์ประเภทนี้จะอยู่ในช่วงเมนเฟสของเรา โดยเอฟเฟคประเภทนี้บางชนิดจำเป็นต้องจ่ายค่าคอสท์ ในการใช้งานด้วย (เช่นการจ่ายไลฟ์พ็อยต์, การทิ้งการ์ด, หรือการนำการ์ดในสุสานออกจากเกมเป็นต้น)

•   Trigger Effect (เอฟเฟคทริกเกอร์)

เอฟเฟคของมอนสเตอร์ประเภทนี้จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อ ถึงช่วงระยะเวลาที่มันกำหนดไว้ว่าจะออกผลตอนไหนได้เกิดขึ้นใน ณ เวลานั้น เช่น เมื่อการ์ดใบนี้ถูกทำลายจากการต่อสู้, เมื่อถึงตอนสแตนด์บายเฟสของเรา หรือ เมื่อเราอัญเชิญการ์ดใบนี้สำเร็จ เป็นต้น

•   Quick Effect (เอฟเฟคควิก)

เอฟเฟคของมอนสเตอร์ประเภทนี้สามารถใช้งานในเทิร์นของคู่ต่อสู้ได้ โดยเอฟเฟคประเภทนี้จะถือว่ามีความเร็ว Speed 2 ซึ่งจะมีความเร็วของ Spell Speed มากกว่าเอฟเฟคมอนสเตอร์ประเภทอื่นๆ

•   Rule Effect (เอฟเฟครูล)

เอฟเฟคมอนสเตอร์ประเภทนี้จะถูกนับว่าเป็นกฎของการเล่น ซึ่งโดยส่วนมากแล้วเอฟเฟคประเภทนี้จะไม่สามารถถูกทำให้ไร้ผลได้

3.   Synchro Monsters (มอนสเตอร์ซิงโคร)

มอนสเตอร์ซิงโครนั้นจะอยู่ในเอ็คซตร้าเด็คของเรา เราสามารถอัญเชิญแบบพิเศษ โดยมอนสเตอร์ประเภทนี้โดยการนำมอนสเตอร์ที่เป็น จูนเนอร์ ทำการรวมร่างกับมอนสเตอร์ในสนามของเรากี่ตัวก็ได้ ให้เลเวลเท่ากับมอนสเตอร์ซิงโครที่เราจะทำการอัญเชิญ (มอนสเตอร์ซิงโครบางชนิดอาจจะต้องการวัตถุดิบในการซิงโครเฉพาะตัว)

* How to Synchro Summon (วิธีการอัญเชิญแบบซิงโคร) *
ในช่วงเมนเฟสของเรา เราสามารถที่จะประกาศการอัญเชิญมอนสเตอร์แบบซิงโครได้ โดยเมื่อเรามีมอนสเตอร์จูนเนอร์และมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ กี่ตัวก็ได้ในสภาพหงายหน้าอยู่และมีผลรวมของเลเวลเท่ากับ (ห้ามขาดห้ามเกิน) มอนสเตอร์ซิงโคร ที่เราจะทำการอัญเชิญหลังจากระบุจำนวนมอนสเตอร์ที่จะทำการซิงโครได้แล้ว นำมอนสเตอร์ที่เป็นวัตถุดิบในการซิงโครส่งลงสุสานทั้งหมด หลังจากนำมอนสเตอร์ที่เป็นวัตถุดิบในการซิงโครลงสุสานเรียบร้อยแล้ว นำมอนสเตอร์ซิงโครที่เราระบุไว้มาอัญเชิญแบบพิเศษลงสู่สนามในสภาพหงายหน้าตั้งโจมตีหรือหงายหน้าตั้งป้องกันได้


4.   Fusion Monster (มอนสเตอร์ฟิวชั่น)

มอนสเตอร์ฟิวชั่นจะถูกบรรจุอยู่ในเอ็คซ์ตร้าเด็คของเราเช่นกัน สามารถอัญเชิญแบบพิเศษโดยนำมอนสเตอร์ที่เป็นวัตถุดิบในการฟิวชั่นตามที่ระบุไว้ในตัวของมอนสเตอร์ฟิวชั่นตัวที่จะทำการอัญเชิญ มารวมร่างกันโดยใช้การ์ด รวมร่าง หรือเอฟเฟคการ์ดอื่นๆที่สามารถทำให้มอนสเตอร์ฟิวชั่นกันได้

5.   Ritual Summon (มอนสเตอร์พิธีกรรม)

มอนสเตอร์พิธีกรรมจะบรรจุอยู่ในเมนเด็คของเรา วิธีอัญเชิญมอนสเตอร์พิธีกรรมนั้น จำเป็นต้องมีการ์ดเวทย์มนต์พิธีกรรมเฉพาะของมอนสเตอร์พิธีกรรมตัวที่เราจะทำการอัญเชิญ หรือมีเอฟเฟคการ์ดอื่นๆที่สามารถอัญเชิญแบบพิเศษมันได้


* Summoning Monsters Cards (อัญเชิญมอนสเตอร์) *
มีหลากหลายวิธีการสำหรับการอัญเชิญมอนสเตอร์สู่สนาม ซึ่งมี 3 วิธีหลักๆ ดังนี้
•   Normal Summon (อัญเชิญแบบปกติ)
การอัญเชิญแบบปกตินี้เป็นการอัญเชิญแบบพื้นฐานที่สุดโดยการนำมอนสเตอร์มอนสเตอร์บนมือของเราลงสู่สนามในสภาพหงายหน้าตั้งโจมตี  ส่วนสำหรับมอนสเตอร์ที่มีเลเวล 5 ดาวขึ้นไปนั้น เราจะต้องทำการรีลีสมอนสเตอร์ที่อยู่บนสนามของเราซะก่อนจึงจะทำการอัญเชิญได้ ซึ่งการอัญเชิญแบบวิธีนี้มีชื่อเรียกว่า การอัญเชิญแบบแอดวานซ์

* Advance Summon (อัญเชิญแบบแอดวานซ์) *
-   มอนสเตอร์ที่มีเลเวลตั้งแต่ 5-6 เราต้องทำการรีลีสมอนสเตอร์บนสนามของเราจำนวน 1 ตัว
-       มอนสเตอร์ที่มีเลเวลตั้งแต่  7  ขึ้นไป เราต้องทำการรีลีสมอนสเตอร์บนสนามของเราจำนวน 2 ตัว

Set (เซ็ต) เราสามารถนำมอนสเตอร์จากบนมือของเราลงสู่สนามในสภาพป้องกันคว่ำหน้าได้ โดยวิธีนี้จะมีชื่อเรียกว่า การเซ็ต (การอัญเชิญแบบแอดวานซ์สามารถลงมาในสภาพเซ็ตด้วยเช่นกัน) แต่ถึงอย่างไรในเทิร์นที่เราทำการเซ็ตมอนสเตอร์แล้ว เราก็ไม่สามารถที่จะทำการอัญเชิญมอนสเตอร์แบบปกติ ได้อีกเช่นกัน

•   Flip Summon (อัญเชิญแบบพลิกหงาย)
เราสามารถเปลี่ยนมอนสเตอร์ในรูปแบบป้องกันคว่ำหน้าเป็นสภาพหงายหน้าตั้งโจมตีได้ โดยการกระทำในรูปแบบที่ว่านี้มีชื่อเรียกว่า การอัญเชิญแบบพลิกหงาย ซึ่งเราสามารถทำการอัญเชิญแบบพลิกหงายได้มากกว่า 1 ครั้งใน 1 การเทิร์น แต่เราไม่สามารถเปลี่ยนมอนสเตอร์ที่เพิ่งจะทำการเซ็ตในเทิร์นนั้นๆ ได้

•   Special Summon (อัญเชิญแบบพิเศษ)
มอนสเตอร์บางชนิดจะสามารถลงมาสู่สนามโดยไม่ใช้วิธีการอัญเชิญแบบปกติ หรือ การอัญเชิญแบบพลิกหงาย ซึ่งการอัญเชิญแบบพิเศษนี้จะสามารถทำได้เกิน 1 ครั้ง ต่อ 1 การเทิร์น และสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นสภาพหงายหน้าตั้งโจมตีหรือหงายหน้าตั้งป้องกัน ซึ่งการอัญเชิญแบบซิงโคร, การอัญเชิญแบบฟิวชั่น หรือ การอัญเชิญแบบพิธีกรรม ล้วนแล้วจะนับว่าเป็นการอัญเชิญแบบพิเศษทั้งสิ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 09, 2013, 08:38:10 PM โดย GW_Admin » บันทึกการเข้า
GW_Admin
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 531


พบกันที่ร้าน Kidz&Cardz ทุกสาขานะครับ~


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2011, 04:49:24 AM »

Spell and Trap Cards (การ์ดเวทย์มนต์ และ การ์ดกับดัก)

Spell Card (การ์ดเวทย์มนต์)


Trap Card (การ์ดกับดัก)


Card Name (ชื่อการ์ด) ส่วนที่บ่งบอกชื่อของการ์ด การ์ดที่มีชื่อเหมือนกันจะถือว่าเป็นใบเดียวกัน แม้ว่าจะรูปภาพต่างกันก็ตาม
1.   Type (ชนิดการ์ด) จุดบ่งบอกชนิดการ์ดซึ่งอยู่ตำแหน่งเดียวกับธาตุของมอนสเตอร์ โดยจะมีสัญลักษณ์แสดงดังนี้


2.   Icon (ไอค่อน) มีไอค่อนแสดงประเภทย่อยๆ ของเวทย์มนต์และการ์ดกับดักดังนี้ (เวทย์มนต์หรือกับดักที่ไม่มีไอค่อนแสดงนั้นคือ เวทย์มนต์ปกติ และ กับดักแบบปกติ)


3.   Card Description เอฟเฟคหรือเงื่อนไขการใช้งานจะถูกเขียนไว้ในส่วนนี้
4.   Card Number
5.   หมายเลขลำดับของการ์ดในแต่ละรุ่น

Spell Cards (การ์ดเวทย์มนต์)

โดยการ์ดเวทย์มนต์จะแบ่งออกเป็น 6 ประเภทดังนี้

1.   Normal Spell Cards (เวทย์มนต์ปกติ)
การใช้งานของเวทย์มนต์ปกตินั้นเป็นการใช้งานแบบพื้นฐานโดยการนำเวทย์มนต์วางลงสู่ช่องวางโซนเวทย์มนต์กับดักบนสนามของเราและประกาศใช้ ในกรณีที่การใช้งานสำเร็จ เอฟเฟคของการ์ดเวทย์มนต์นั้นๆจะทำงาน หลังจากนั้นให้นำการ์ดเวทย์มนต์ใบนั้นลงสุสาน ทั้งนี้เราสามารถใช้งานได้ในเมนเฟสของเราเท่านั้น

2.   Ritual Spell Cards (เวทย์มนต์พิธีกรรม) 
เวทย์มนต์ประเภทนี้มีไว้อัญเชิญแบบพิเศษมอนสเตอร์พิธีกรรม ตามพิธีที่ระบุไว้บนตัวมอนสเตอร์พิธีกรรมนั้นๆ การใช้งานของเวทย์มนต์พิธีกรรมจะเหมือนกับเวทย์มนต์ปกติ

3.   Continuous Spell Cards (เวทย์มนต์ต่อเนื่อง) 
การ์ดเวทย์มนต์ต่อเนื่องจะยังคงอยู่บนสนามหลังจากประกาศใช้งาน และเอฟเฟคก็จะยังคงอยู่ตราบเท่าที่มันยังหงายหน้าอยู่บนสนาม

4.   Equip Spell Cards (เวทย์มนต์สวมใส่)  
การ์ดเวทย์มนต์ประเภทนี้จะเพิ่มผลพิเศษให้แก่มอนสเตอร์ที่ถูกสวมใส่ สามารถใช้งานโดยวางเวทย์มนต์สวมใส่วางลงบนช่องโซนเวทย์มนต์กับดักของเรา จากนั้นเลือกมอนสเตอร์ที่หงายหน้าอยู่บนสนาม 1 ตัว เวทย์มนต์สวมใส่จะคงอยู่บนสนามและจะเกิดผลพิเศษตราบเท่าที่มันหงายหน้าคงเหลืออยู่บนสนาม และเมื่อมอนสเตอร์ตัวที่สวมถูกทำให้หายออกจากสนามหรือถูกทำให้อยู่ในสภาพป้องกันคว่ำหน้า การ์ดสวมใส่ที่ถูกสวมอยู่จะถูกทำลายทั้งหมด

5.   Field Spell Cards (เวทย์มนต์ฟีลด์) 
การ์ดเวทย์มนต์ประเภทนี้สามารถใช้งานโดยวางลงบนโซนฟีลด์เท่านั้น (รวมถึงการเซ็ตด้วย) และจะยังคงอยู่บนสนาม เวทย์มนต์ฟีลด์สามารถมีได้แค่ใบเดียวบนสนามรวมถึงสนามของคู่ต่อสู้ด้วย ถ้ามีการใช้งานของเวทย์มนต์ฟีลด์ใบใหม่สำเร็จ เวทย์มนต์ฟีลด์ใบเก่าจะถูกทำลายทันที

6.   Quick-Play Spell Cards (เวทย์มนต์ความเร็วสูง) 
เวทย์มนต์ความเร็วสูงนี้มีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถใช้งานในเทิร์นของคู่ต่อสู้ได้ และสามารถใช้งานได้นอกเหนือจากตอนเมนเฟสของเราด้วย โดยสามารถใช้ได้ในทุกๆเฟสหรือแล้วแต่กำหนดแต่ทว่าถ้าเรานำการ์ดเวทย์มนต์ความเร็วสูงไปเซ็ต เราจะไม่สามารถใช้งานได้ในเทิรน์ที่เพิ่งทำการเซ็ตการ์ดเวทย์มนต์ความเร็วส


Trap Cards (การ์ดกับดัก)


การ์ดกับดักจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้

1.   Normal Trap Cards (กับดักปกติ)
ก่อนที่จะใช้งานการ์ดกับดักเราต้องนำไปเซ็ตไว้ที่โซนเวทย์มนต์กับดักเสียก่อน เราจะไม่สามารถใช้งานการ์ดกับดักได้ในเทิร์นที่เพิ่งทำการเซ็ตการ์ดกับดักเช่นเดียวกับการ์ดเวทย์มนต์ความเร็วสูง เราสามารถเริ่มใช้งานได้ในอีกเทิร์นนับจากเวลานี้ และในกรณีเดียวกับการ์ดเวทย์มนต์ปกติ หลังจากที่ใช้งานการ์ดกับดักปกติแล้ว มันจะถูกส่งลงสุสานโดยอัตโนมัติ การ์ดกับดักมีหลายประเภทและเงื่อนไขการใช้จะค่อนข้างหลากหลายแต่ก็มีกับดักบางประเภทที่สามารถใช้งานได้ในทุกๆเฟสเช่นกัน

2.   Continuous Trap Cards (กับดักต่อเนื่อง)  
เช่นเดียวกับการ์ดเวทย์มนต์ต่อเนื่องหลังจากที่เราใช้งานการ์ดกับดักต่อเนื่องมันจะคงหงายหน้าอยู่บนสนามและจะแสดงผลตลอดตราบเท่าที่มันคงอยู่บนสนาม

3.   Counter Trap Cards (กับดักเคาท์เตอร์) 
การ์ดกับดักประเภทนี้สามารถใช้งานได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในช่วงเวลาของการใช้งานตามที่การ์ดกับดักเคาท์เตอร์นั้นได้ระบุเอาไว้  โดยส่วนใหญ่นั้นจะมีไว้สวนกลับการ์ดของคู่ต่อสู้ ซึ่งการ์ดกับดักเคาท์เตอร์นี้จะมี Spell Speed 3 นับว่าเป็นความเร็วที่สูงที่สุด
 บันทึกการเข้า
GW_Admin
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 531


พบกันที่ร้าน Kidz&Cardz ทุกสาขานะครับ~


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2011, 05:00:43 AM »

How to Play (วิธีการเล่น)


How to Play and How to Win (วิธีการเล่นและวิธีการชนะ)
การละเล่นใน 1 เกม จะเรียกว่า 1 ดูเอล การดูเอลนั้นจะจบลงได้จะต้องมีผู้ที่ชนะหรือเกิดการเสมอเกิดขึ้น การดูเอลนั้นจะเล่นกัน  2-3  ครั้ง โดยจะเรียกว่า แมตช์  ผู้ที่ชนะ 2  ใน  3 จะถือว่าเป็นผู้ชนะแมตช์

Winning the Duel (การชนะในดูเอล)
ผู้เล่นทุกคนจะมีไลฟ์พ็อยต์เริ่มต้นคือ 8,000 จุด เราจะสามารถชนะคู่ต่อสู้โดยทำให้ไลฟ์พ็อยต์ของคู่ต่อสู้นั้นเป็น 0 หรือ คู่ต่อสู้ไม่มีการ์ดจากเด็คของตัวเองให้จั่ว (เด็คหมด) หรืออาจจะมีเอฟเฟคการ์ดพิเศษที่จะสามารถชนะในดูเอลนั้นๆ ได้  ถ้าเรากับคู่ต่อสู้มีไลฟ์พ็อยต์เป็น 0 พร้อมกัน จะนับว่าเสมอ

Turn Structure (โครงสร้างของเทิร์น)
การดูเอลนั้นจะมีเฟสแต่ละเฟสครอบคลุมอยู่ในหลายๆ เฟส

Turns (เทิร์น)
ในระหว่างดูเอลนั้น ผู้เล่นจะมีเทิร์นของตัวเอง และในแต่ละเทิร์นจะประกอบด้วยเฟสหลักๆ 6 เฟส


Phase (เฟส)
เราจะเข้าสู่เฟสที่กำหนดในเทิร์นของตัวเอง เราสามารถทำกิจกรรมหลายๆอย่างตามที่เฟสแต่ละเฟสได้กำหนดไว้ โดยเฟสหลักจะประกอบด้วย

1.   Draw Phase (ดรอว์เฟส)
นี่คือเฟสแรกของทุกเฟสและเป็นจุดเริ่มต้นของเทิร์นของผู้เล่น โดยผู้เล่นผู้นั้นต้องทำการจั่วการ์ดใบบนสุดของเด็คตัวเอง 1 ใบ ผู้เล่นที่ไม่มีการ์ดในเด็คหลงเหลืออยู่ให้ทำการจั่วจะถูกปรับให้แพ้ในการดูเอลนั้น  และหลังจากที่ผู้เล่นทำการจั่วเสร็จผู้เล่นสามารถใช้งานเวทย์มนต์, กับดัก หรือเอฟเฟคของมอนสเตอร์ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนไปยังเฟสถัดไปได้
Main Action (กิจกรรมหลัก)       =    จั่วการ์ด 1 ใบ
Alternate Action (กิจกรรมอื่นๆ)       =    ใช้งานเวทย์มนต์ความเร็วสูง, กับดักหรือเอฟเฟคของมอนสเตอร์


2.   Standby Phase (สแตนด์บายเฟส)
จะมีการ์ดบางใบหรือเอฟเฟคบางชนิดที่จะทำงานในเฟสนี้ และผู้เล่นสามารถใช้งานการ์ดกับดัก, การ์ดเวทย์มนต์ความเร็วสูง หรือเอฟเฟคมอนสเตอร์ได้ในเฟสนี้
Main Action (กิจกรรมหลัก)      =   เลือกทำตามเงื่อนไขของเอฟเฟค
การ์ดที่เกิดขึ้นในเฟสนี้
Alternate Action (กิจกรรมอื่นๆ)      =   ใช้งานเวทย์มนต์ความเร็วสูง, กับดักหรือเอฟเฟคของมอนสเตอร์


3.   Main Phase 1 (เมนเฟส 1)
เฟสนี้เป็นเฟสที่ผู้เล่นจะสามารถอัญเชิญมอนสเตอร์ในรูปแบบต่างๆลงสู่สนาม หรือทำการเปลี่ยนรูปแบบสภาพของมอนสเตอร์ว่าจะเป็นหงายหน้าตั้งโจมตีหรือทำการอัญเชิญแบบพลิกหงาย และผู้เล่นก็จะสามารถใช้งานเวทย์มนต์รวมถึงการเซ็ตเวทย์มนต์กับดักไว้ที่โซนเวทย์มนต์กับดัก เป็นต้น

Alternate Action (กิจกรรมอื่นๆ)
•   Summon or Set a Monster (อัญเชิญหรือเซ็ตมอนสเตอร์)
ไม่มีการจำกัดของการอัญเชิญแบบพลิกหงายหรือการอัญเชิญแบบพิเศษต่อเทิร์น แต่ผู้เล่นสามารถอัญเชิญมอนสเตอร์หรือทำการเซ็ตมอนสเตอร์ได้เพียง 1 ครั้งต่อเทิร์น เว้นแต่จะมีเอฟเฟคการ์ดบางชนิดที่ทำให้เราทำข้อจำกัดที่ว่านี้ได้อีกครั้ง
•   Change Monster Battle Position (เปลี่ยนรูปแบบสถานะมอนสเตอร์)
ผู้เล่นสามารถทำการเปลี่ยนรูปแบบสถานะมอนสเตอร์ของตัวเอง เช่น จากหงายหน้าตั้งโจมตีเป็นหงายหน้าตั้งป้องกัน, จากหงายหน้าตั้งป้องกันเป็นหงายหน้าตั้งโจมตี และ จากคว่ำหน้าตั้งป้องกันเป็นหงายหน้าตั้งโจมตี (อัญเชิญแบบพลิกหงาย)
* การเปลี่ยนรูปแบบสถานะของมอนสเตอร์จะมีข้อจำกัดดังนี้ *
- ผู้เล่นจะไม่สามารถทำการเปลี่ยนรูปแบบมอนสเตอร์ที่เพิ่งทำการอัญเชิญทุกรูปแบบในเทิร์นที่ได้ทำการอัญเชิญนั้นๆ
- ผู้เล่นจะไม่สามารถทำการเปลี่ยนรูปแบบมอนสเตอร์ที่ประกาศโจมตีไปแล้วในเทิร์นนั้นๆ
- ผู้เล่นจะไม่สามารถทำการเปลี่ยนรูปแบบมอนสเตอร์ตัวที่เพิ่งทำการเปลี่ยนรูปแบบไปแล้วในเทิร์นนั้นๆ

•   Activate a Card or Card Effect (ใช้งานการ์ดหรือใช้งานเอฟเฟคการ์ด) ผู้เล่นสามารถใช้งานเวทย์มนต์, กับดักหรือเอฟเฟคของมอนสเตอร์ ได้อย่างอิสระในเฟสนี้
•   Set Spell Cards or Trap Cards (เซ็ตการ์ดเวทย์มนต์หรือกับดัก) ผู้เล่นสามารถเซ็ตการ์ดเวทย์มนต์หรือกับดักวางลงบนช่องโซนเวทย์มนต์กับดักได้อย่างอิสระในเฟสนี้


4.   Battle Phase (แบทเทิลเฟส)
ในเฟสนี้คือเฟสที่ผู้เล่นจะสั่งการมอนสเตอร์ของตัวเองทำการต่อสู้ ผู้เล่นไม่จำเป็นจะต้องเข้าแบทเทิลเฟสในทุกๆ เทิร์น หากผู้เล่นไม่เข้าแบทเทิลเฟส จะผ่านไปเข้าสู่เอนด์เฟสโดยอัตโนมัติ

Alternate Action (กิจกรรมอื่นๆ)      =   โจมตีไลฟ์ผู้เล่นโดยตรงหรือทำการต่อสู้กับมอนสเตอร์ ใช้งานเวทย์มนต์ความเร็วสูง, กับดักหรือเอฟเฟคของมอนสเตอร์

ในแบทเทิลเฟสจะแบ่งเป็นเฟสย่อยๆ 4 เฟส ดังนี้
4.1   Start Step (สตาร์ทสเต็ป)
ในสเต็ปนี้จะเป็นจุดเริ่มของแบทเทิลเฟส ผู้เล่นควรจะประกาศเข้าแบทเทิลเฟสก่อนจะทำการแบทเทิลทุกครั้ง ทั้งนี้ผู้เล่นที่เป็นฝ่ายเริ่มเล่นก่อนนั้นจะไม่สามารถเข้าแบทเทิลเฟสได้ในเทิร์นแรก
4.2   Battle Step (แบทเทิลสเต็ป)
ในเฟสนี้ผู้เล่นสามารถทำการสั่งมอนสเตอร์ของตัวเองต่อสู้กับมอนสเตอร์หรือโจมตีไลฟ์พ็อยต์ผู้เล่นโดยตรงได้ โดยเลือกมอนสเตอร์ของตัวเอง 1 ตัว จากนั้นเลือกมอนสเตอร์บนสนามของคู่ต่อสู้ 1 ตัวเป็นเป้าหมาย หลักจากนั้นให้ประกาศโจมตี ในกรณีที่คู่ต่อสู้ไม่มีมอนสเตอร์หลงเหลืออยู่บนสนามเลย ผู้เล่นจะสามารถประกาศโจมตีไลฟ์พ็อยต์โดยตรงได้ ทั้งนี้มอนสเตอร์แต่ละตัวจะสามารถประกาศโจมตีได้ตัวละ 1 ครั้ง ใน 1 แบทเทิลเฟสต่อเทิร์น เว้นแต่จะมีเอฟเฟคการ์ดช่วยให้ทำการโจมตีอีกครั้งหนึ่งได้
4.3   Damage Step (ดาเมจสเต็ป)
ในเฟสนี้เป็นเฟสที่จะคำนวณค่าเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับผู้เล่นและมอนสเตอร์
4.4   End Step (เอนด์สเต็ป)
หลังจากที่ผู้เล่นได้ทำการประกาศโจมตีเสร็จแล้วหรือไม่มีมอนสเตอร์ที่จะทำการประกาศโจมตีอีกให้ผู้เล่นประกาศกับคู่ต่อสู้ว่าตนจะจบแบทเทิลเฟสแต่เพียงเท่านี้


5.   Main Phase 2 (เมนเฟส 2)
ถ้าผู้เล่นทำการเข้าแบทเทิลเฟสในเทิร์นนั้นจะมี เมนเฟส 2 ต่อเข้ามาทันทีหลังจากผ่านจากการจบแบทเทิลเฟสไปกิจกรรมที่สามารถกระทำได้ในเฟสนี้จะเหมือนกับเมนเฟส 1 ทุกประการ
Alternate Action (กิจกรรมอื่นๆ)
•   อัญเชิญ, เซ็ต หรืออัญเชิญแบบพิเศษมอนสเตอร์
•   เปลี่ยนรูปแบบสภาพของมอนสเตอร์
•   ใช้งานการ์ดเวทย์มนต์, กับดักหรือเอฟเฟคของมอนสเตอร์
•   เซ็ตการ์ดเวทย์มนต์หรือกับดักลงไปในโซนเวทย์มนต์กับดัก


6.   End Phase (เอนด์เฟส)
เฟสนี้เป็นเฟสสุดท้ายและเป็นจุดสิ้นสุดของการเทิร์น และถ้ามีเอฟเฟคประเภททริกเกอร์ที่เกิดขึ้นในเอนด์เฟสจะทำงานในช่วงนี้ และถ้าผู้เล่นเจ้าของเทิร์นมีการ์ดบนมือมากกว่า 6 ใบในช่วงสิ้นสุดของเอนด์เฟส ผู้เล่นต้องเลือกการ์ดบนมือทิ้งลงสุสานจนกว่าการ์ดบนมือจะเท่ากับ 6 ใบ
Main Action (กิจกรรมหลัก)    =    เลือกทำตามเงื่อนไขของเอฟเฟคการ์ด
ที่เกิดขึ้นในเฟสนี้
เลือกทิ้งการ์ดบนมือให้เท่ากับ 6 ใบ หากเจ้าของเทิร์นมีการ์ดบนมือมากกว่า 6 ใบ
              Alternate Action (กิจกรรมอื่นๆ)    =    ใช้งานเวทย์มนต์ความเร็วสูง, กับดัก หรือเอฟเฟคของมอนสเตอร์

Battle and Chains (การต่อสู้และการเชน)

Damage Step Rules (กฎดาเมจสเต็ป)
ในช่วงของดาเมจสเต็ปนั้นจะมีการ์ดในจำนวนหลายประเภทที่ถูกกำจัดการใช้งาน การ์ดกับดักเคาท์เตอร์ จะสามารถใช้งานได้ปกติ  แต่ในส่วนของการ์ดเวทย์มนต์ความเร็วสูงหรือการ์ดกับดักปกติและต่อเนื่องจะสามารถใช้งานได้ในดาเมจสเต็ปได้ก็ต่อเมื่อ เป็นการ์ดที่มีผลต่อค่าเพิ่มลดพลังโจมตีหรือพลังป้องกันเท่านั้น


Attacking a Face Down Card (การโจมตีใส่มอนสเตอร์คว่ำหน้าป้องกัน)
หากเราโจมตีใส่มอนสเตอร์ในสภาพตั้งป้องกัน ให้เปลี่ยนสภาพมอนสเตอร์ตัวที่ถูกโจมตีจากสภาพคว่ำหน้าตั้งป้องกันเป็นสภาพหงายหน้าตั้งป้องกันในตอนดาเมจสเต็ป เราจะได้เห็นค่าพลังป้องกันของมอนสเตอร์ที่ถูกโจมตี และหลังจากนั้นเป็นการคำนวณดาเมจ

Activate Reverse Effect (ใช้งานเอฟเฟครีเวิร์ส)
เมื่อมอนสเตอร์ถูกโจมตีและถูกเปลี่ยนสภาพเป็นสภาพหงายหน้า  เอฟเฟครีเวิรส สามารถทำงานได้และจะทำงานในช่วงคิดคำนวณดาเมจ

Determine Damage (วัดค่าดาเมจ)
การวัดค่าดาเมจขั้นพื้นฐานจะอยู่ที่ ดาเมจจากการต่อสู้ และจะดูจากสภาพรูปแบบการต่อสู้ของมอนสเตอร์ หรือ Battle Position
1.   ถ้าเราโจมตีมอนสเตอร์ในสภาพหงายหน้าตั้งโจมตี จะทำการเปรียบเทียบ พลังโจมตี VS พลังโจมตี
2.   ถ้าเราโจมตีมอนสเตอร์ในสภาพตั้งป้องกัน ก็จะทำการเปรียบเทียบ พลังโจมตี  VS พลังป้องกัน


When You Attack an Attack Position Monster
(เมื่อเราทำการโจมตีมอนสเตอร์ในรูปแบบตั้งโจมตี)


Win (ชนะ)
เมื่อเราใช้มอนสเตอร์ของเราโจมตีมอนสเตอร์คู่ต่อสู้หากพลังโจมตีของเรามากกว่าพลังโจมตีของมอนสเตอร์คู่ต่อสู้ มอนสเตอร์ที่ทำการโจมตีจะทำลายมอนสเตอร์ของคู่ต่อสู้และนำส่งไปยังสุสาน โดยส่วนต่างของพลังโจมตีที่มากกว่าจะนำไปหักกับไลฟ์พ๊อยต์ของคู่ต่อสู้

Tie (เสมอ)
เมื่อเราใช้มอนสเตอร์ของเราโจมตีมอนสเตอร์คู่ต่อสู้หากพลังโจมตีของเรามีค่าเท่ากับพลังโจมตีของมอนสเตอร์คู่ต่อสู้ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเสมอ และมอนสเตอร์ทั้ง 2 ตัวนี้จะถูกทำลายและนำส่งไปยังสุสาน  ผู้เล่นทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่ได้รับแบทเทิลดาเมจในกรณีนี้

Lose (แพ้)
เมื่อเราใช้มอนสเตอร์ของเราโจมตีมอนสเตอร์คู่ต่อสู้หากพลังโจมตีของเราน้อยกว่าพลังโจมตีของมอนสเตอร์คู่ต่อสู้ มอนสเตอร์ที่มีพลังโจมตีน้อยกว่าจะถูกทำลายจากการต่อสู้และถูกนำส่งไปยังสุสาน โดยส่วนต่างของพลังโจมตีที่มากกว่าจะนำไปหักกับไลฟ์พ๊อยต์ของเรา

When You Attack a Defense Position Monster
(เมื่อเราทำการโจมตีมอนสเตอร์ในรูปแบบตั้งป้องกัน)


Win (ชนะ)
เมื่อเราใช้มอนสเตอร์ของเราโจมตีมอนสเตอร์คู่ต่อสู้หากพลังโจมตีของเรามากกว่าพลังป้องกันของมอนสเตอร์คู่ต่อสู้มอนสเตอร์ที่มีทำการโจมตีจะทำลายมอนสเตอร์ของคู่ต่อสู้และนำส่งไปยังสุสาน  ผู้เล่นทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่ได้รับแบทเทิลดาเมจในกรณีนี้

Tie (เสมอ)
เมื่อเราใช้มอนสเตอร์ของเราโจมตีมอนสเตอร์คู่ต่อสู้หากพลังโจมตีของเรามีค่าเท่ากับพลังป้องกันของมอนสเตอร์คู่ต่อสู้ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเสมอ มอนสเตอร์ทั้ง 2 ตัวนี้จะไม่ถูกทำลาย  ผู้เล่นทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่ได้รับแบทเทิลดาเมจในกรณีนี้

Lose (แพ้)
เมื่อเราใช้มอนสเตอร์ของเราโจมตีมอนสเตอร์คู่ต่อสู้หากพลังโจมตีของเราน้อยกว่าพลังป้องกันของมอนสเตอร์คู่ต่อสู้ในกรณีนี้มอนสเตอร์ทั้ง 2 ตัวนี้ จะไม่ถูกทำลาย โดยส่วนต่างของพลังป้องกันที่มากกว่าจะนำไปหักกับไลฟ์พ๊อยต์ของเรา

If Your Opponent has no Monster (ถ้าคู่ต่อสู้ไม่มีมอนสเตอร์)
หากคู่ต่อสู้ไม่มีมอนสเตอร์หลงเหลืออยู่บนสนามของตนเองเลย เราจะสามารถโจมตีไลฟ์คู่ต่อสู้ได้โดยตรง โดยจะนำค่าพลังโจมตีของมอนสเตอร์ที่ทำการโจมตีโดยตรงไปหักกับไลฟ์พ๊อยต์คู่ต่อสู้



What is a Chain? (เชนคืออะไร?)
เชนคือสิ่งที่สามารถบ่งบอกลำดับของผลลัพธ์ของเอฟเฟคการ์ดต่างๆ ได้  จะพบเห็นได้จากสถานการณ์ที่มีการใช้งานเอฟเฟคการ์ดมากกว่า 1 ใบ หรือ เมื่อผู้เล่นต้องการใช้เอฟเฟคการ์ดขั้นระหว่างเอฟเฟคการ์ดใบอื่นที่ยังไม่สำเร็จผลนี่เอง
เมื่อเรามีการใช้งานของเอฟเฟคการ์ดเกิดขึ้น คู่ต่อสู้จะได้สิทธิ์ในการใช้เอฟเฟคการ์ดโต้ตอบได้เสมอ โดยนับว่าเป็นการสร้างเชน   หากมีการตอบสนองเกิดขึ้น สิทธิ์ในการเชนก็จะโอนมาที่ตัวเรา และเราก็จะสามารถใช้เอฟเฟคการ์ดเชนต่อได้อีก  เมื่อใดที่ผู้เล่นที่ได้รับสิทธิ์ไม่ได้ทำการเชนต่อ ผู้ที่ทำการเชนครั้งล่าสุดจะสามารถเชนเอฟเฟคการ์ดของตนเองต่อได้  ถ้าไม่มีการเชนใดๆ ต่อจากนี้ เอฟเฟคการ์ดจะดำเนินตามเชน โดยจะเริ่มทำการคำนวณผลโดยเริ่มจากเชนสุดท้ายไปยังเชนเริ่มต้นตามลำดับ
เราจำเป็นต้องถามคู่ต่อสู้ก่อนเสมอว่าจะเชนการ์ดเอฟเฟคของเราต่อหรือไม่ ถ้าไม่มีการเชนต่อเราจะสามารถเชนการ์ดของตัวเองต่อได้ หรือทำการ สรุปผลในเอฟเฟคการ์ดนั้นๆ

Spell Speed (สเปล สปีด)
เอฟเฟคของการ์ดทุกชนิดจะมี Spell Speed ระหว่าง 1 – 3 ถ้าเราต้องการจะตอบโต้เอฟเฟคการ์ดในเชนนั้นๆ เราจำเป็นต้องใช้เอฟเฟคการ์ดที่มี Spell Speed 2 หรือมากกว่า และจะไม่สามารถเชนการ์ด Spell Speed ที่มีความเร็วต่ำกว่า Spell Speed ที่รอผลตอบรับในเชนนั้นๆ ได้
การ์ดเวทย์มนต์, การ์ดกับดัก หรือเอฟเฟคมอนสเตอร์จะมี Spell Speed ที่แตกต่างกันออกไป Spell Speed จะมีความเร็ว 1 – 3 เราจะสามารถทำการโต้ตอบเอฟเฟคของการ์ด ด้วยเอฟเฟคการ์ดที่มี Spell Speed ตั้งแต่ 2 ขึ้นไป และต้องมีค่าความเร็วเท่ากับหรือมากกว่า Spell Speed ที่รอการตอบรับนั้นๆ

1.   Spell Speed 1
ตัวอย่างการ์ดใน Spell Speed 1
•   การ์ดเวทย์มนต์ปกติ
•   การ์ดเวทย์มนต์สวมใส่
•   การ์ดเวทย์มนต์ต่อเนื่อง
•   การ์ดเวทย์มนต์ฟีลด์
•   การ์ดเวทย์มนต์พิธีกรรม
•   เอฟเฟครีเวริส
•   เอฟเฟคสั่งใช้งาน
•   เอฟเฟคทริกเกอร์
Spell Speed 1 เป็นความเร็วที่ต่ำที่สุดในบรรดา Spell Speed ทั้งหมด การ์ดประเภทนี้จะไม่สามารถทำการใช้งานเพื่อทำการโต้ตอบเอฟเฟคการ์ดต่างๆ ในเชนได้ หรือจะไม่สามารถอยู่ในเชน 2 หรือมากกว่าได้ เว้นแต่จะเกิดเอฟเฟคของการ์ดที่สามารถใช้งานการ์ดที่มี Spell Speed 1 เกิดขึ้นพร้อมกันหลายๆ ไปได้นี่เอง

2.   Spell Speed 2
ตัวอย่างการ์ดใน  Spell Speed 2
•   การ์ดกับดักปกติ
•   การ์ดกับดักต่อเนื่อง
•   การ์ดเวทย์มนต์ความเร็วสูง
•   เอฟเฟคมอนสเตอร์ประเภทควิก

3.   Spell Speed 3 (การ์ดกับดักเคาท์เตอร์)
การ์ดประเภทนี้จะสามารถใช้งานเพื่อโต้ตอบการ์ดที่มีความเร็วเป็น Spell Speed 1 หรือ Spell Speed 2 และจะสามารถใช้งานได้นอกเหนือจากเมนเฟส
Spell Speed 3 เป็นการ์ดที่มีความเร็วสูงสุดในบรรดา Spell Speed ทั้งหมด และสามารถใช้งานเพื่อโต้ตอบการ์ดได้
ในทุกๆ Spell Speed โดยที่การ์ดในบรรดา Spell Speed 3 จะสามารถใช้งานเพื่อการโต้ตอบการกระทำของคู่ต่อสู้โดยเฉพาะ


How to Chain Works (เชนดำเนินการอย่างไร)

Example of a Chain (ตัวอย่างของการการเชน)
ผู้เล่น  A ใช้งานการ์ด [พายุใหญ่] และ ผู้เล่น B จึงโต้ตอบโดยการใช้งานการ์ด [โถแห่งความโลภ] ซึ่งใช้งานจากบนสนามในสภาพเซ็ต จากนั้น ผู้เล่น A โต้ตอบโดยใช้งานการ์ด [เครื่องมือ 7 ชนิด ของจอมโจร] ทำให้ การ์ด [โถแห่งความโลภ] ของ ผู้เล่น B ไร้ผลและถูกทำลายทิ้ง

Chain Link 3

เครื่องมือ 7 ชนิด ของจอมโจร : ทำให้การใช้งานของ โถแห่งความโลภไร้ผลและทำลายทิ้ง (Spell Speed 3)

Chain Link 2

โถแห่งความโลภ : จั่วการ์ด 1 ใบ จากในเด็คของเรา   (Spell Speed 2)

Chain Link 1

พายุใหญ่ : ทำลายการ์ดเวทย์มนต์และกับดักทั้งหมดบนสนาม

[เครื่องมือ 7 ชนิด ของจอมโจร] ซึ่งเป็นเชนอันดับที่ 3 จะทำการประมวลผลก่อน ผลคือทำให้การใช้งานของ [โถแห่งความโลภ] ถูกทำให้ไร้ผลและทำลายทิ้ง
[โถแห่งความโลภ] ซึ่งเป็นเชนอันดับที่ 2 จะออกผลต่อ แต่ทว่า [เครื่องมือ 7 ชนิด ของจอมโจร] ได้ทำการ ทำให้ [โถแห่งความโลภ] เอฟเฟคไร้ผล ผู้เล่น B จึงจะไม่สามารถทำการจั่วการ์ดจากเอฟเฟคของ [โถแห่งความโลภ] ได้ เนื่องจาก การใช้งานถูกทำให้ไร้ผล
[พายุใหญ่] ซึ่งเป็นอันดับแรกของเชน จะทำงานในช่วงนี้ การ์ดเวทย์มนต์และกับดักทั้งหมดบนสนาม จะถูกทำลายด้วยผลของพายุใหญ่


Turn Player‘s Priority (สิทธิ์เจ้าของเทิร์น)
ผู้เล่นเจ้าของเทิร์นจะมีสิทธิ์ในการใช้งานการ์ดได้ก่อนเสมอ ในแต่ละสเต็ปหรือแต่ละเฟสในเทิร์นของเจ้าของเทิร์น ตราบเท่าที่ผู้เล่นผู้นั่นครอบครองสิทธิ์อยู่ คู่ต่อสู้จะไม่สามารถทำการใช้เอฟเฟคการ์ดหรือทำการใช้งานการ์ดได้จนกว่าเราจะโอนสิทธิ์ให้แก่คู่ต่อสู้ โดยไม่นับเอฟเฟคที่เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติเช่น เอฟเฟคทริกเกอร์ หรือ เอฟเฟครีเวิร์ส รวมถึงการขอสิทธิ์ในการเชนการ์ดของคู่ต่อสู้การมีสิทธิ์เจ้าของเทิร์นจะสามารถทำการกระทำดังต่อไปนี้ได้
•   ใช้สิทธิ์ในการใช้งานการ์ดหรือใช้เอฟเฟคการ์ดก่อนที่คู่ต่อสู้จะโต้ตอบด้วยเอฟเฟคการ์ด
โอนสิทธิ์ให้แก่คู่ต่อสู้ จากนั้นคู่ต่อสู้จะสามารถใช้งานการ์ดหรือใช้การ์ดเอฟเฟคได้
•   ผู้เล่นเจ้าของเทิร์นจำเป็นต้องโอนสิทธิ์ให้แก่คู่ต่อสู้เสมอเมื่อเราทำการจบสเต็ปหรือในขณะที่กำลังจะดำเนินการไป ยังเฟสถัดไปหากคู่ต่อสู้ไม่ได้กระทำการใดๆเลย หรือทำการตอบสนองโดยการใช้งานการ์ดหรือใช้เอฟเฟคการ์ด ในช่วงนี้ ก็ให้ดำเนินการไปจนจุดสำเร็จผล และเมื่อเข้าช่วงเริ่มต้นของเฟสถัดไปหรือในช่วงเริ่มของสเต็ปใหม่ๆ สิทธิ์เจ้าของเทิร์นจะกลับมายังเจ้าของเทิร์นตามเดิม

Other Rules (กฎอื่นๆ)

Limited Cards (การ์ดที่ถูกจำกัดในเด็ค) 
ตามปกติการ์ดในเด็คของเรา (รวมถึงการ์ดในเอ็คซ์ตร้าเด็คและไซด์เด็ค) เราจะสามารถทำการใส่การ์ดชื่อซ้ำกันได้ไม่เกิน 3 ใบ (การ์ดที่มีชื่อเหมือนกันแต่คนละภาพนับว่าเป็นใบเดียวกัน) แต่อย่างไรก็ดี จะมีการ์ดบางใบที่โดนกำจัดใช้งานหรือถูกห้ามใส่ไว้ในเด็ค, ในเอ็คซ์ตร้าเด็ค รวมถึงในไซด์เด็คด้วย) เนื่องจากการ์ดดังกล่าวมีความเก่งกาจและสร้างผลต่อรูปแบบเกมมากเกินไปซึ่งสร้างความได้เปรียบแก่ผู้ใช้งานมากเกิน ทาง OCG Teams จึงต้องสร้างความสมดุลของรูปแบบเกมขึ้นมานี่เอง โดยการจำกัดการ์ดมีแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้
1.   Forbidden Cards การ์ดที่ห้ามนำใส่ไว้ในเด็ครวมถึงเอ็คซ์ตร้าเด็ค และไซด์เด็ค
2.   Limited Card การ์ดที่สามารถใส่ไว้ในเด็ครวมถึงเอ็คซ์ตร้าเด็คและไซด์เด็คได้เพียง 1 ใบ
3.   Semi Limited cards การ์ดที่สามารถใส่ไว้ในเด็ครวมถึงเอ็คซ์ตร้าเด็คและไซด์เด็คได้เพียง 2 ใบ
ดูเอลลิสต์สามารถดู Forbidden and Limited Card List ได้ที่ เว็บไซด์หลักของ Konami ได้ที่
www.yugioh-card.com

Monster Token (มอนสเตอร์โทเค่น)
โทเค่นเป็นมอนสเตอร์ชนิดหนึ่งที่ถูกสร้างจากเอฟเฟคของการ์ดซึ่งจะไม่มีรูปร่างของการ์ดจริง โดยโทเค่นนั้นจะไม่ถูกบรรจุไว้ในเด็คหรือในเอ็คซ์ตร้าเด็ค และไม่สามารถนำไปไว้ที่ใดเลยนอกจากบนสนาม เมื่อโทเค่นถูกทำลายหรือถูกนำกลับขึ้นมือหรือเด็ค  ให้นำมันออกจากสนามไปแทน เราสามารถใช้การ์ดโทเค่นจากสินค้ายูกิโอหรือใช้เหรียญหรือสิ่งอื่นๆ โดยโทเค่นที่ดีนั้นจำเป็นต้องบอกสภาพรูปแบบของมอนสเตอร์ได้อย่างชัดเจน ( สภาพตั้งโจมตี หรือสภาพตั้งป้องกัน) สภาพของโทเค่นจะถูกนับว่าเป็นสภาพหงายหน้าตลอด และถูกนับเป็นการ์ดมอนสเตอร์เช่นกัน โดยมีตัวอย่าง Official Token ดังนี้




Public Knowledge (ความรู้สาธารณะ)
จำนวนของการ์ดบนมือของผู้เล่น, จำนวนการ์ดในเด็ค หรือจำนวนการ์ดในสุสาน รวมถึงจำนวนไลฟ์พ๊อยต์ของผู้เล่นทั้งหมดนี้ถือว่าเป็น Public knowledge ที่ผู้เล่นสามารถใช้สิทธิ์ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงได้เสมอ ถ้าเราถามข้อมูลในส่วนนี้คู่ต่อสู้จำเป็นต้องตอบข้อมูลที่เป็นความจริงให้แก่ฝั่งตรงข้ามเสมอ

If Both Player conduct action Simultaneously (ถ้าทั้งคู่ทำการกระทำในเวลาเดียวกัน)
หากมีเอฟเฟคการ์ดส่งผลแก่ผู้เล่นทั้ง 2 ฝ่าย กระทำพร้อมกันเช่น  เลือกมอนสเตอร์บนสนามของตัวเองคนละ 1 ตัว เจ้าของเทิร์นที่เกิดเอฟเฟคนี้จะต้องกระทำการกระทำดังกล่าวก่อนเสมอ หลังจากที่เจ้าของเทิร์นทำการเลือกมอนสเตอร์เสร็จ ฝั่งตรงข้ามก็ทำการเลือกต่อจากเราทันที

When multiple cards are activates Simultaneously
(เมื่อมีการใช้งานของการ์ดเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันเป็นจำนวนหลายใบ)
หากมีการ์ดที่มีความเร็ว Spell Speed 1 (เช่นเอฟเฟคทริกเกอร์) เกิดขึ้นพร้อมกันด้วยเอฟเฟคการ์ดบางชนิดการประมวลจะออกมาในลักษณะพิเศษดังนี้
•   การเริ่มต้นของการเชนนี้จะเริ่มจากเจ้าของเทิร์น ถ้ามีแค่การ์ดที่ส่งผลเพียงใบเดียว จะถูกนับเป็นเชนที่1 โดยอัตโนมัติ
•   หากมีการ์ดที่รอส่งผลมากกว่า 1 ใบ ผู้เล่นเจ้าของเทิร์นจะต้องเรียงลำดับตามเชนของการ์ดที่ตัวเองส่งผลก่อน
•   ในกรณีที่เรียงลำดับการเชนเรียบร้อยแล้ว คู่ต่อสู้จึงจะได้สิทธิ์ในการเชนโต้ตอบการ์ดของเราต่อได้

Counter (เคาท์เตอร์)
เอฟเฟคของการ์ดบางใบสามารถสิ่งที่เรียกว่า เคาท์เตอร์ ซึ่งเคาท์เตอร์นี้จะสามารถวางลงบนการ์ดตัวการ์ดได้ตามเอฟเฟคของมันว่าจะสามารถวางลงบนการ์ดชนิดใดได้บ้าง การ์ดจะถูกเปลี่ยนแปลงหรือมีข้อจำกัดเพิ่มเติมตามที่เอฟเฟคของเคาท์เตอร์นั้นๆ  เคาท์เตอร์บางชนิดนั้นจะมีชื่อเรียกเฉพาะเช่น เคาท์เตอร์พลังเวทย์มนต์หรือ เคาท์เตอร์เวลา  เมื่อเราจะทำการวางเคาท์เตอร์ลงบนการ์ด เราสามารถนำสิ่งสมมติมาวางไว้บนตัวการ์ดได้ เช่น  ลูกเต๋า หรือเหรียญ เป็นต้น

Rules VS Card Effect (กฎ VS เอฟเฟคการ์ด)
หากมีเอฟเฟคการ์ดที่ขัดแย้งกับกฎบางข้อ เอฟเฟคการ์ดจะส่งผลเหนือกฎได้ในบางกรณี เช่น ตามปกติมอนสเตอร์จะสามารถโจมตีได้ 1 ครั้ง ใน 1 แบทเทิลเฟส   ซึ่งเอฟเฟคการ์ดบางประเภทจะสามารถทำให้มอนสเตอร์โจมตีได้มากกว่า 1 ครั้งใน 1 แบทเทิลเฟส

Action which cannot be chained to (การกระทำที่ไม่สามารถทำการเชนได้)
การอัญเชิญมอนสเตอร์, การรีลีส หรือการเปลี่ยนรูปแบบสภาพมอนสเตอร์ รวมถึงการจ่าย คอสท์ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำการเชนได้
 บันทึกการเข้า
GW_Admin
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 531


พบกันที่ร้าน Kidz&Cardz ทุกสาขานะครับ~


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2011, 05:00:57 AM »

Glossary (ศัพท์หมวด)

Attack Directly (การโจมตีโดยตรง)
การโจมตีโดยตรงคือการโจมตีไลฟ์พ็อยต์ผู้เล่นแทนการโจมตีใส่มอนสเตอร์ ในกรณีนี้ดาเมจที่จะเข้าไลฟ์พ็อยต์ผู้เล่นจะเท่ากับ ค่าพลังโจมตีของมอนสเตอร์ตัวที่ทำการโจมตีไลฟ์พ๊อยต์โดยตรง

Battle Damage (ดาเมจจากการต่อสู้)
ดาเมจจากการต่อสู้จะเกิดจากการโจมตีของมอนสเตอร์หรือส่วนต่างของพลังโจมตีหรือป้องกันที่เกิดจากมอนสเตอร์ดาเมจส่วนนี้จะแตกต่าง เอฟเฟคที่เกิดจากเอฟเฟคของการ์ด

Cards on the Field (การ์ดบนสนาม)
เอฟเฟคการ์ดที่มี Text บ่งบอกถึง [การ์ดบนสนาม] หมายความว่า การ์ดในโซนมอนสเตอร์ การ์ดในโซนเวทย์มนต์กับดักและการ์ดฟีลด์โซน

Control (การควบคุม)
การ์ดที่เราควบคุมหมายถึงการ์ดที่อยู่บนสนามของเรา ซึ่งเราสามารถสั่งการได้อย่างอิสระ โดยที่คู่ต่อสู้สามารถนำการ์ดบนสนามของเราไปควบคุมด้วยเอฟเฟคของการ์ดบางชนิด ถ้าเป็นในกรณีนี้  การ์ดบนสนามของเราจะไปอยู่ฝั่งคู่ต่อสู้แทน อย่างไรก็ตามหากการ์ดของเราถูกเปลี่ยนไปให้คู่ต่อสู้ควบคุมถูกทำลาย, ถูกนำลงสุสาน หรือถูกนำขึ้นมือหรือเด็ค ให้นำการ์ดใบนั้นๆ กลับคืนเจ้าของเดิมเสมอในตำแหน่งที่การ์ดระบุไว้เช่น หากถูกนำกลับขึ้นมือให้นำกลับไปที่มือของเจ้าของการ์ดที่แท้จริง เป็นต้น

Destroy (การทำลาย)
การ์ดที่ถูกทำลายจะถูกส่งลงไปยังสุสานของเจ้าของการ์ดที่โดนทำลาย การทำลายจะเกิดจากผลของการ์ดเอฟเฟคต่างๆหรือเกิดจากการต่อสู้  การนำมอนสเตอร์กลับขึ้นมือ หรือ การรีลีส รวมถึง การส่งลงสุสาน จะไม่ถูกนับว่าเป็นการทำลาย

Discard (การทิ้งการ์ด)
การทิ้งการ์ดมีความหมายว่า  การทิ้งการ์ดจากบนมือลงสุสาน การทิ้งการ์ดจะเกิดขึ้นได้จากเอฟเฟคของการ์ดต่างๆ หรือในกรณีที่ผู้เล่นมีการ์ดบนมือเกิน 6 ใบ

Effect Cards (เอฟเฟคการ์ด)
เอฟเฟคของการ์ดจะมีเขียนไว้ชัดเจนใน Text ของการ์ดนั้นๆ โดยจะถูกเขียนไว้บนการ์ดมอนสเตอร์เอฟเฟค, การ์ดเวทย์มนต์และกับดัก การ์ดบางใบจะมีการจ่ายค่าคอสท์ในการใช้งาน โดยค่าคอสท์นี้จะไม่ถูกนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของเอฟเฟคการ์ด

Effect Target (เอฟเฟคเล็งเป้าหมาย)
เอฟเฟคของการ์ดบางชนิดจำเป็นต้องระบุเป้าหมายในขณะที่ประกาศใช้งาน โดยการเล็งเป้าของเอฟเฟคการ์ดจะมีเป้าหมายไปยังการ์ด 1 ใบ หรือมากกว่าก็ได้ ขึ้นอยู่กับเอฟเฟคของเอฟเฟคการ์ดนั้นๆ เอฟเฟคการ์ดบางประเภทจะระบุเป้าหมายตอนเอฟเฟคสำเร็จผล เอฟเฟคของการ์ดตัวอย่างนี้จะไม่ถูกนับว่าเป็นการเล็งเป้า

Equip Card (การ์ดสวมใส่)
นอกจากการ์ดเวทย์มนต์สวมใส่แล้ว มอนสเตอร์เอฟเฟคและการ์ดกับดักก็สามารถเปลี่ยนสภาพของตัวเองเป็นการ์ดสวมใส่ได้ด้วย โดยจะนับว่าเหมือนกับการ์ดเวทย์มนต์สวมใส่ทุกประการ

Equip Monsters (มอนสเตอร์ที่ถูกสวม)
มอนสเตอร์ที่ถูกการ์ดสวมใส่ติดอยู่จะถูกเรียกว่า มอนสเตอร์ที่ถูกสวม เมื่อมอนสเตอร์ที่ถูกสวมถูกทำลายหรือถูกเปลี่ยนสภาพเป็นสภาพคว่ำหน้ารวมถึงการกระทำที่ทำให้หายออกจากสนาม การ์ดสวมใส่นั้นๆจะถูกปลดจากเป้าหมาย และการ์ดสวมใส่ที่ติดอยู่จะถูกทำลายลงสุสาน

Fusion Deck (ฟิวชั่น เด็ค)
ชื่อเก่าของ เอ็คซ์ตร้า เด็ค เนื่องจากมีการ์ดมอนสเตอร์ซิงโครออกมาจึงต้องทำการเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ โดยเอ็คซ์ตร้าเด็คนั้นจะมีได้สูงสุด 15 ใบ และจะมีแค่มอนสเตอร์ฟิวชั่น และมอนสเตอร์ซิงโครอยู่เท่านั้น

Original ATK and DEF (พลังโจมตีป้องกันตั้งต้น)
ค่าพลังโจมตีป้องกันตั้งต้น คือค่าพลังที่เขียนไว้ในตัวการ์ด ซึ่งจะไม่นับค่าพลังที่เพิ่มเติมขึ้นมาเช่น ค่าพลังที่ได้เพิ่มจากการ์ดเวทย์มนต์สวมใส่ หรือ จากเอฟเฟคการ์ดต่างๆ  การ์ดที่มีพลังโจมตีหรือป้องกันที่เป็นเครื่องหมาย? จะถูกนับว่าพลังตั้งต้นจะเท่ากับ 0 หากไม่ได้มีรายละเอียดของเอฟเฟคเพิ่มเติมใดๆจากในกรณีนี้

Pay a Cost (การจ่ายค่าคอสท์)
การจ่ายค่าคอสท์คือเงื่อนไขการใช้งานเพิ่มเติมของเอฟเฟคการ์ดต่างๆ บางชนิด โดยการจ่ายคอสท์จำเป็นต้องจ่ายในขณะที่ประกาศใช้งานเลย หากเราไม่สามารถจ่ายค่าคอสท์ตามเงื่อนไขของการ์ดนั้นๆได้ เราจะไม่สามารถทำการใช้งานการ์ดนั้นๆ ได้  และหากการ์ดที่เราได้ใช้งานถูกทำให้ไร้ผลโดยเอฟเฟคการ์ดต่างๆ เราจะไม่ได้สิ่งที่เสียไปจากการจ่ายคอสท์กลับคืนมาแต่อย่างใด การจ่ายคอสท์จะมีเงื่อนไขลักษณะดังต่อไปนี้
1.   รีลีสมอนสเตอร์ในสนามของเรา X ตัว
2.   ทิ้งการ์ดบนมือของเรา X ใบ
3.   จ่ายไลฟ์พ๊อยต์ของเรา X จุด
4.   นำการ์ดในสุสานของเรา X ใบออกจากเกม
สังเกตได้ว่าการจ่ายคอสท์นั้นส่วนใหญ่จะเป็นการสร้างผลลบให้กับตัวเราเอง ส่วนใหญ่แล้วการ์ดที่ต้องทำการจ่ายค่าคอสท์นั้นจะเป็นการ์ดที่มีเอฟเฟคค่อนข้างรุนแรง จึงต้องมีการแลกเปลี่ยนในการใช้งานอยู่

Random (การสุ่ม)
เมื่อมีเอฟเฟคการ์ดที่ต้องทำการสุ่มการ์ด เช่นในกรณีสุ่มการ์ดจากบนมือคู่ต่อสู้ลงสุสาน 1 ใบ  ผู้เล่นคนที่ใช้งานเอฟเฟคนี้จะไม่สามารถเห็นหน้าการ์ดบนมือของคู่ต่อสู้ได้เลยไม่ว่าเป็นกรณีใดๆ เพราะถือว่าเป็นการสุ่มนั่นเอง

Remove from play (นำออกจากเกม)
การ์ดที่ถูกนำออกนอกเกมจะไม่ถูกนำลงสุสาน การ์ดเหล่านี้จะไปอยู่ในโซนสมมติที่มีชื่อเรียกว่า รีมูฟโซนเราจะไม่สามารถทำการใช้งานการ์ดที่ถูกนำออกนอกเกมได้นอกจากว่า มีเอฟเฟคการ์ดที่สามารถดึงการ์ดที่ถูกนำออกนอกเกมกลับคืนมาได้

Reveal (การเปิดเผย)
เมื่อมีเอฟเฟคการ์ดที่บ่งบอกให้แสดงการ์ด เราจำเป็นต้องแสดงการ์ดให้ผู้เล่นทุกคนได้เห็นอย่างชัดเจนในหลายๆ กรณีดังต่อไปนี้เช่น
1.   แสดงการ์ดมอนสเตอร์ที่อยู่ในสภาพคว่ำ
2.   แสดงการ์ดบนมือของเราทั้งหมด
3.   แสดงการ์ดในเด็คของเราทั้งหมด

การ์ดเปิดเผยการ์ดนั้น หลังจากที่ได้ตรวจสอบเสร็จให้นำกลับไปในสภาพเดิม และอยู่ในสภาพไม่เห็นหน้าการ์ดตามเดิม (การตรวจสอบนี้เอฟเฟคประเภทรีเวิรสจะไม่ทำงาน)
 
Send to the Graveyard (ส่งลงสุสาน)
การส่งการ์ดลงสุสานจะมีวิธีการหลายๆแบบ เช่น การทำลายการ์ด, การทิ้งการ์ด รวมถึงการรีลีสมอนสเตอร์

Set (การเซ็ต)
การที่เราส่งมอนสเตอร์ลงบนสนามในสภาพป้องกันคว่ำหน้า รวมถึงการนำการ์ดเวทย์มนต์หรือกับดักไปคว่ำไว้บนโซนเวทย์มนต์กับดัก จะนับว่าเป็นวิธีการ เซ็ต

Shuffle (การสลับ)
การสับเด็คนั้นไม่มีวิธีที่ตายตัว แต่ในขณะที่ทำการสลับ เราไม่สามารถทำการเห็นหน้าการ์ดได้ในการสับ หรือทำการเรียงในตำแหน่งที่เราตั้งใจได้

Tribute (การสังเวย)
การสังเวยคือ ศัพท์เก่าของคำว่า รีลีส การรีลีสคือการนำมอนสเตอร์บนสนามของเราลงสุสาน เราสามารถทำการรีลีสมอนสเตอร์ในสภาพหงายหรือคว่ำก็ได้ เว้นแต่จะมีข้อจำกัดในเอฟเฟคการ์ดบางชนิด  การรีลีส จะไม่ถูกนับว่าเป็นการทำลายหรือเป็นการส่งลงสุสาน
ที่มาhttp://gundam.carddass.in.th/index.php?topic=74.0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น